✿ นักปรัชญาทางด้านการศึกษาแบบอัตถิภาวนิยม ✿
นักปรัชญาด้านการศึกษาอัตถิภาวนิยม
1. เซอร์เร็น อาบี คีร์เคกอร์ด
- นักปรัชญาชาวเดนมาร์ก
- เคร่งศาสนาคริสต์นิกายลูเทอร์
- แบบอย่างของการดำเนินชีวิต คือ "องค์พระเยซูคริสต์"
แนวคิดของคีร์เคกอร์ด
- เป็นพื้นฐานของความรู้ “ เราต้องเรียนรู้ตัวเองก่อนที่จะรู้สิ่งอื่นใดทั้งหมด ” การเรียนรู้ตัวเองรู้ว่าตนเองเป็นใครอย่างไรดีแล้ว นั่นเป็นอัตถิภาวะที่แท้จริงของตนเอง ย่อมจะเข้าใจถึงอัตถิภาวะของสิ่งภายนอกตัวเราด้วย อัตถิภาวะที่แท้จริงนั้นย่อมเกิดขึ้นกับตัวบุคคลแต่ละคนเอง
อัตถิภาวะเป็นพื้นฐานของเทววิทยา
- ท่านเริ่มจากจุดที่เป็นจริงในชีวิต นั่นคือเป็นอัตถิภาวะของพระคริสต์ เราต้องหวนกลับมองดูตัวเราว่าเราได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระคริสต์แล้วหรือยัง ถ้ายังก็ควรปรับปรุงตัวให้สอดคล้องกับพระคริสต์
อัตถิภาวะเป็นพื้นฐานของจริยธรรม
- คีร์เคกอร์ด ให้สูตรสั้น ๆ แต่กินความหมายมากไว้ว่า “คริสตศาสนาเป็นกระแสชีวิต” นั่นคือ จริยธรรมของคริสตชนไม่ใช่การปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ตายตัว เราต้องเลือกการปฏิบัติที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
อัตถิภาวะเป็นจุดหมายของการสร้างโลก
- ความมีอยู่บนโลกนี้เป็นสิ่งสร้างทั้งสิ้น สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกเหมือนกันเกิดขึ้นและวันหนึ่งก็มีจุดจบ จุดจบของสิ่งมีชีวิตคือ ตาย
2. ไฮเด็กเกอร์
- นักคิดชาวเยอรมัน ไฮเด็กเกอร์ (Heidegger: 1889- 1976)
- เกิดในแถบแบล็กฟอเรส (Black Forest) มี
- ผลงานที่โด่งดังคือ “Being and Time- ความเป็นอยู่และกาละ” (1927)
- “คน” ต่างจาก “สิ่งของ” คือ คนเท่านั้นที่สามารถตั้งคำถามเกี่ยวกับ “ความเป็น” ของเขาเองและสนใจเกี่ยวกับ “ความเป็น” ในตัวของมันเองได้
3. ณัง-ปอล
ซาร์ตร์
- ซาร์ตร์เป็นนักวรรณคดีและนักปรัชญาร่วมสมัยชาวฝรั่งเศส
- ผลงาน คือ เรื่องสั้น บทละคร และปรัชญา เพื่อเผยแพร่ลัทธิอัตถิภาวะนิยม
- เป็นนักเขียนที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั่วโลกคนหนึ่งในปัจจุบัน
แนวคิดของณัง-ปอล ซาร์ตร์
- จุดมุ่งหมายที่จะปรับปรุงระบบสังคมของมนุษย์ให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยเริ่มจากการศึกษา ให้รู้จักตัวเองเสียก่อน แล้วยอมรับสภาพความเป็นจริงของตนเองแต่ละคน
- ปรัชญาของซาร์ตร์เป็นอัตถิภาวะนิยม แบบ ระบบเทวะ
- ซาร์ตร์มีแนวความคิดว่าไม่จำเป็นต้องอาศัยศาสนาใดเลย เราก็สามารถแก้ปัญหาในชีวิตของเราได้ ที่ร้ายกว่านั้นการนับถือศาสนาจะเป็นการเปิดโอกาสให้คนฉลาดเอาเปรียบคนโง่จนทำให้ผู้นับถือใช้เป็นข้อแก้ตัวเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยตัวเอง
- ซาร์ตร์ยังไม่เห็นด้วยกับอุดมคติความคิดหลักการหรือลัทธิที่มีความคิดตายตัวเป็นมาตรฐานเพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้มนุษย์ไม่มีเสรีภาพที่ตนพึงมีเพราะมนุษย์กับเสรีภาพเป็นของคู่กัน และจะไม่มีใครสามารถแยกมนุษย์ออกจากเสรีภาพได้เลย
- การเป็นมนุษย์นั้นจำเป็นต้องมีเสรีภาพนั่นคือเสรีภาพเป็นแก่นแท้ของมนุษย์หรือเสรีภาพก็คือสารัตถะของมนุษย์
4. Alexander Sutherland Neill
- เป็นนักการศึกษาและนักเขียนชาวสก็อตซึ่งเป็นที่รู้จักจากโรงเรียนซัมเมอร์ฮิลล์และปรัชญาแห่งอิสรภาพ จากการบีบบังคับของผู้ใหญ่และการปกครองตนเองของชุมชน
- เติบโตในสกอตแลนด์โดยสอนในโรงเรียนหลายแห่งก่อนที่จะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเอดินบะระในปี พ.ศ. 2451-2555
- ในปีแรกของสงครามเขียนหนังสือเล่มแรกA Dominie's Log (1915) เป็นบันทึกชีวิตของเขาที่นั่นในฐานะครูใหญ่
- ก่อตั้ง Summerhill เมื่อกลับไปอังกฤษในปี 1924 Summerhill มีชื่อเสียงในช่วงทศวรรษที่ 1930 และในช่วงทศวรรษ 1960-1970 เนื่องจากความสนใจที่ก้าวหน้าและต่อต้านวัฒนธรรม
- หนังสือ Summerhill แพร่หลายในการเคลื่อนไหวของโรงเรียนฟรีตั้งแต่ปี 1960
- การศึกษาด้านอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าความต้องการทางปัญญาในสายตาของนีลล์และเขาเกี่ยวข้องกับการต่อต้านปัญญานิยม ในความเป็นจริงเขามีความสนใจในทุนการศึกษาเป็นการส่วนตัวและใช้อัตชีวประวัติของเขาในช่วงบั้นปลายของชีวิตเพื่อแสดงถึงความจำเป็นของทั้งอารมณ์และสติปัญญาในการศึกษา
ปรัชญาของ Alexander Sutherland Neill
- นีลได้กล่าวว่าธรรมชาติของเด็ก เป็นสิ่งที่ดีโดยกำเนิดและเด็ก ๆ ก็มีความดี ความยุติธรรมและคุณธรรมโดยธรรมชาติเมื่อได้รับอนุญาตให้เติบโตโดยปราศจากการกำหนดศีลธรรมของผู้ใหญ่
- เด็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องถูกเล้าโลมซึ่งนำไปสู่พฤติกรรมที่พึงปรารถนาเนื่องจากสภาพธรรมชาติของพวกเขาเป็นที่น่าพอใจและความโน้มเอียงตามธรรมชาติของพวกเขา "ไม่ผิดศีลธรรม"
- การปฏิบัติของนีลสรุปได้ว่าเป็นการให้เด็ก ๆ มีพื้นที่เวลาและการเสริมสร้างขีดความสามารถในการสำรวจส่วนตัวและมีอิสระจากความกลัวและการบีบบังคับของผู้ใหญ่ได้กำหนดกฎเกณฑ์
- จุดมุ่งหมายของชีวิตนีลคือ "การค้นหาความสุขซึ่งหมายถึงการค้นหาความสนใจ" การศึกษาของนีลคือเพื่อความสุขและความสนใจในชีวิต และเด็ก ๆ ต้องการอิสระอย่างเต็มที่ในการค้นหาความสนใจของพวกเขา
- นีลเชื่อว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ครูทำได้คือปล่อยให้เด็กอยู่คนเดียวเพื่อพัฒนาตามธรรมชาติ
- "ความสนใจ" นีลล์รู้สึกว่ามันมาจากธรรมชาติและเป็นธรรมชาติเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเรียนรู้ นีลมองว่าการบังคับใช้คำสั่ง (โดยไม่สนใจนักเรียน) เป็นการเสียเวลาอย่างเปล่าประโยชน์
- การศึกษาคือการอำนวยความสะดวก Summerhill นีลไม่เคยกำหนด "ผลประโยชน์ที่ แท้จริง" และไม่ได้คำนึงถึงอิทธิพลทางสังคมที่มีต่อความสนใจของเด็ก
- นีลรู้สึกว่าการศึกษาทางอารมณ์ปลดปล่อยสติปัญญาให้ทำตามสิ่งที่พอใจและเด็ก ๆ ต้องการการศึกษาทางอารมณ์เพื่อให้ทันกับความต้องการในการพัฒนาทีละน้อยของตนเอง
- การศึกษาในมุมมองของนีลจึงเป็นการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับ เสรีภาพ และการรับผิดชอบ ที่เด็กเองต้องมีอำนาจในการตัดสินใจเลือกกระทำ ปราศจากการครอบงำจากผู้ใหญ่
- ความคิดทางการศึกษาของนีลจึงเป็นสิ่งที่ไม่ใช่คำตอบที่เป็นทางออกของการศึกษากระแสหลักทั้งหมด แต่ความคิดทางการศึกษาของนีลเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เราตั้งคำถามกับการศึกษาได้กว้างขึ้น ลึกขึ้น และท้าทายมากขึ้น
- เครื่องมือแห่ง “การแสวงหาความสุข” ความสุขเป็นสิ่งที่เกิดจากความสนใจของมนุษย์ ดังนั้นการศึกษาจึงจำเป็นต้องสร้างเสรีภาพให้แก่เด็ก เป็นการสร้างทางเลือกให้กับชีวิต นำมาซึ่งความสุขและการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
- และการแบบ “การศึกษาที่ไร้ความสุข” คือการศึกษาที่ไร้เสรีภาพ โดยเป็นการศึกษาที่ถูกควบคุมและเต็มไปด้วยการใช้อำนาจในการบังคับ ซึ่งการศึกษาแบบนี้จะยิ่งทำให้เกิดการสร้างความกดดัน ความเกลียดชังให้แก่เด็ก และท้ายสุดเด็กเหล่านี้ล้วนกลายเป็นเด็กมีปัญหา
******************************
ที่มา : https://hmong.in.th/wiki/A_S_Neill https://hmong.in.th/wiki/A_S_Neill
http://eduzenthai.blogspot.com/2015/09/blog-post_4.htm
https://phi342.wordpress.com/2012/12/11/


.jpeg)





ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น